คุณคุ้นเคยกับความรู้สึกเหล่านี้ไหม?
เมื่อวันศุกร์ใกล้เข้ามา คุณอาจจะรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเครียดกับงานเป็นเวลา 2 วัน
หรือที่เรียกว่า “ความรู้สึกที่ตั้งหน้าตั้งตารอวันศุกร์”
แต่คุณจะพูดอะไรถ้าฉันบอกคุณว่าความเครียดอาจเป็นสิ่งที่ดี
คุณคงคิดว่าฉันบ้าแน่ๆ ใช่ไหม?
เอาหละ, ฉันจะบอกคุณทุกๆอย่างเกี่ยวกับความเครียดและมันส่งผลกระทบอะไรต่อคุณ
เมื่อคุณเข้าใจว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “เครียด” ในประเภทต่างๆ ฉันจะอธิบายวิธีจัดการกับมัน
ความเครียดมักมี “ชื่อเสียงที่ไม่ดี” แต่อย่างไรก็ตามความเครียดก็เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีในชีวิต รวมถึงตัวฉันด้วย!
ให้ฉันเริ่มด้วยการบอกว่าความเครียดมีสองประเภท
ความเครียดที่เกิดจากความสุข และ ความเครียดที่เกิดจากความทุกข์ คุณเดาได้ไหมว่าอันไหนเป็นสิ่งที่ดี
ถ้าคุณตอบว่า ความเครียดที่เกิดจากความสุข คุณตอบถูก!
ความเครียดประเภทนี้คือสิ่งที่จะมาพร้อมกับการได้งานใหม่ การที่คุณสอบขับรถผ่านหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ บางครั้งมันอาจทำให้อะดรีนาลีนของคุณสับสนได้!
ความเครียดที่เกิดจากความสุขสามารถทำให้คุณรู้สึกมีแรงบันดาลใจได้!
อย่างไรก็ตาม…มันเป็นไปได้ที่จะเป็นสิ่งที่ดีมากเกินไป!
ความเครียดที่เกิดจากความทุกข์คือประเภทของความเครียดที่ผู้คนมักเชื่อมโยงกับคำว่า “ความเครียด”
สิ่งนี้เกิดจากการที่มีความเครียดที่เกิดจากความทุกข์มากเกินไป ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดแตกต่างไปจากเดิม
เมื่อคุณประสบกับความเครียดร่างกายของคุณจะอยู่ในโหมด “สู้หรือหนี” นี่คือเวลาที่ร่างกายของคุณหลั่งสารอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลออกมานี่คือสัญชาตญาณการเอาตัวรอด
เมื่อคุณอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานาน คุณจะเริ่มปวดหัวหรือไมเกรน ปวดท้องและกล้ามเนื้อตึง
เนื่องจากร่างกายของคุณยังรับรู้ว่ามีภัยคุกคามต่อคุณ
หากกล้ามเนื้อของคุณยังคงตึงตัวอยู่ ในสุดท้าบคุณอาจจะมีอาการปวดหลังและฉันมั่นใจว่าคุณไม่ต้องการแบบนั้น
ต่อไปนี้เป็นวิธีจัดการกับความเครียด(ที่ไม่ดี)สองสามวิธี!
แสดงความรู้สึกของคุณออกมาก อาจจะเป็นการเขียนความสงสัย ความกังวล และความรู้สึกของคุณลงไป หรือพูดสิ่งนั้นออกมา
จำไว้ว่ามันโอเคนะที่คุณจะมีอารมณ์! วิธีที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถบอกได้คือให้คิดถึงเด็ก พวกเขาร้องไห้ โกรธ และสามารถแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวได้!
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาระบายมันออกมาหมดแล้ว? พวกเขาสงบลงอย่างมาก
เด็กไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดหรือความทุกข์นั้นอย่างไร และมักจะแสดงมันออก มาเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับอารมณ์นั้นอีก
เมื่อพวกเขาได้แสดงความรู้สึกออกมาแล้ว พวกเขาก็จะไม่รู้สึกสับสนกับอารมณ์เหล่านั้นอีกต่อไปและกลับสู่ภาวะปกติได้ ฉันสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาเลยว่าการที่คุณบอกคนอื่นว่าคุณรู้สึกอย่างไร หรือเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกลงไปนั้นมันเหมือนคุณได้ยกภาระออกจากอกเลย
ทำในสิ่งที่คุณรู้สึกมีความสุข หลายครั้งที่เรารู้สึกหนักใจเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่มีเวลาที่จะทำในสิ่งที่เราชอบเลย แล้วในที่สุดสิ่งนี้สามารถนำคุณไปสู่การสร้างความเครียดโดยไม่รู้ตัวเลย
กี่ครั้งแล้วที่คุณเคยพูดว่า:
‘ฉัน’ชอบที่จะ[ไปเดิน/ว่ายน้ำ/เขียน/ไปยิม]…แต่ฉันไม่มีเวลา’
เวลามักถูกบอกไว้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่า แต่ถ้ามันมีค่าอย่างที่เราคิด ทำไมเราถึงไม่ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุดหละ?
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้แล้ว ให้ลองทำในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำมาระยะหนึ่งแล้วแต่คุณรู้แน่นอนว่ามันทำให้คุณมีความสุข
เมื่อคุณตระหนักได้ว่าคุณมีเวลาว่างสำหรับงานอดิเรก คุณจะไม่รู้สึกอีกเลยว่าคุณอยู่ผิดเวลา และด้วยเหตุนี้ คุณจะไม่รู้สึกอึดอัดและความเครียดของคุณจะลดลง
การออกกำลังกาย. ใช่การออก กำลังกายเพื่อคลายเคลียดเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งต่างๆ เช่น การวิ่งเสมอไป โยคะก็ช่วยคลายความเครียดได้เช่นกัน
โยคะไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการเคลื่อนไหวที่ช้าและการหายใจ แต่ยังช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังของคุณได้
โยคะจะยืดและมุ่งเน้นไปที่กล้ามเนื้อซึ่งทำให้ร่างกายผ่อนคลาย โยคะเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำในตอนเช้าแต่ถ้าคุณรู้สึกเครียดมากขึ้นจากตลอดทั้งวันการทำในตอนกลางคืนก็ดีเหมือนกัน!
การเล่นโยคะตอนกลางคืนจะช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้านอนและช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยคุณได้ ไม่ใช่การออกกำลังกายที่คุณทำทางร่างกายแต่คือทางจิตใจ
การทำสมาธิเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการลดความเครียดเพราะมันจะทำให้คุณหยุดคิดถึงอนาคตและความกังวลของคุณและกลับมาสนใจปัจจุบัน
เมื่ออยู่ในปัจจุบัน ความรู้สึกอึดอัดจะค่อยๆหลุดลอยไป และจะทำให้คุณสงสัยว่าทำไมคุณถึงเครียดตั้งแต่แรก!
ดังนั้นจำไว้ว่าครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกเครียดกับเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวัน ถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงรู้สึกเครียด? เป็นความเครียดประเภทไหน? และคุณจะจัดการกับมันได้อย่างไร?